ตลาดฟอเร็กซ์ คือที่ที่เกือบทุกคนมีโอกาสในการทำเงิน แต่อย่าสับสนระหว่างเรื่องดวงและแนวทางของมืออาชีพ เทรดเดอร์หรือนักเทรดคืออาชีพที่จำเป็นต้องมีการศึกษา มิเช่นนั้น สัญชาตญาณของคุณจะล้มเหลวไม่ช้าก็เร็ว และธุรกรรมการเทรดจะขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไม ในช่วงเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพนี้ คุณไม่ควรเสียเวลาไปกับอะไรอื่น ๆ แต่ควรเริ่มศึกษาการวิเคราะห์แบบเทคนิคในตลาด ซึ่งจะช่วยให้คุณเทรดด้วยความตระหนักรู้
การวิเคราะห์ทางเทคนิค คือเทรนด์ของโลกในการศึกษาพฤติกรรมของราคา การเคลื่อนที่ และสัญญาณภายนอก ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลสถิติในอดีต สิ่งสำคัญก็คือ เทรนด์นี้ประกอบด้วยคลังเครื่องมือจำนวนมหาศาล และการเคลื่อนที่แบบเฉพาะเจาะจงที่ช่วยในการวิเคราะห์ราคาจากมุมมองต่าง ๆ ลักษณะสำคัญคือการเกิดรูปแบบในอดีตแบบซ้ำ ๆ และวงจรการเกิดขึ้น ดังนั้น คุณจะไม่เพียงแค่ศึกษาวิธีการทำความเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังสามารถทำนายอนาคตได้อีกด้วย
เทคนิคการวิเคราะห์กราฟเหมาะกับใคร
ผู้เริ่มศึกษามีเนื้อหาหลักสองส่วนที่ควรเริ่มศึกษาในระดับทฤษฎี ได้แก่ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และการวิเคราะห์ทางเทคนิค
อันดับแรกมีความยาก เพราะต้องอาศัยความเข้าใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์มหภาค การเมืองโลก และความสัมพันธ์ระหว่างกัน ดังนั้นคนที่มีการศึกษาที่เหมาะสมจึงมักนิยมการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
หากคุณเลือกใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis - TA) คุณไม่จำเป็นจะต้องศึกษาทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ซับซ้อนและทำความเข้าใจเรื่องนโยบายทางการเงินของแต่ละประเทศหรือกลุ่มประเทศต่าง ๆ คุณไม่ต้องคิดว่าเหตุการณ์ เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศใดจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอย่างไร และจะส่งผลต่อราคาของสกุลเงินประเทศนั้น ๆ อย่างไร เป็นต้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิคแตกต่างจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน โดยสันนิษฐานว่าตลาดได้คิดรวมเอาปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ในราคา ณ ปัจจุบันแล้ว พฤติกรรมของราคา ลักษณะการเคลื่อนที่ต่าง ๆ นั้นเป็นตัวแสดงถึงมุมมองทางจิตวิทยาของผู้ซื้อ เมื่อทราบว่าอะไรเป็นแรงจูงใจต่อผู้ร่วมตลาดหรือผู้เล่นรายใหญ่ เราก็จะสามารถสร้างระบบการเทรดเป็นของตนเองได้
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเหมาะกับผู้เริ่มต้นไม่ใช่แค่เพราะว่ามันเป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่เพราะความสามารถที่รอบด้านของเทคนิคนี้ ประวัติศาสตร์ได้นำมาซึ่งการพัฒนาเครื่องมือและมุมมองพฤติกรรมราคากว่าหลายพันชนิด นักเทรดแต่ละคนสามารถเลือกทางเป็นของตนเอง โดยไม่ต้องคำนวณอะไรที่ซับซ้อน ไม่ว่าภูมิหลังคุณจะเป็นอย่างไร ประกอบอาชีพไหน หรืออุปนิสัยแบบไหน การวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดฟอเร็กซ์คือทางออกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำเงินในตลาดเงินตราต่างประเทศสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพผู้มีประสบการณ์
สภาพแวดล้อมในการทำงานของนักเทรด
หนึ่งในความท้าทายสำคัญในการศึกษาการทำงานกับกราฟอาจเป็นสภาพแวดล้อมและสิ่งที่ศึกษา เช่น คำถามสำคัญหนึ่งคือการเลือกคู่สกุลเงินที่จะเทรด กรอบเวลา และแน่นอนเทอร์มินอลที่จะเทรด
นักเทรดปรับใช้ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ด้วยตนเองโดยขึ้นอยู่กับเป้าหมายของตน เช่น บริษัทโบรกเกอร์ NordFX ให้โอกาสกับลูกค้าในการเทรดบน MetaTrader 4 เทอร์มินอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งใช้ได้ทั้งเทอร์มินอล MT4 เต็มรูปแบบและเวอร์ชันมือถือ โดยคุณจะสามารถวิเคราะห์ตลาด เปิดและปิดคำสั่งเทรดสูงสุด 100 คำสั่งได้ทุกเวลาและจากทุกสถานที่บนโลกที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต MetaTrader 4 มีระบบอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อการใช้งาน มีฟีเจอร์ติดตั้งมาพร้อมจำนวนมหาศาล และเป็นอาวุธที่ทรงพลังในมือของนักเทรด คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมว่า MT4 ทำงานอย่างไรในส่วนที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์ทางการของ NordFX
กรอบเวลา
กรอบเวลา คือ ระยะเวลาในระหว่างที่มีการก่อตัวของแท่งเทียนหรือกราฟแท่ง การใช้กรอบระยะเวลาที่แตกต่างกันจะช่วยให้คุณลดคลื่นรบกวนในตลาดและหาเทรนด์ในโลก โดยการขยับจากกรอบเวลาที่สั้นกว่าเป็นกรอบเวลาที่นานขึ้น
ใน MT4 มี 9 ตัวเลือกในการแสดงกราฟราคา ได้แก่ М1, М5, М15, М30 (กล่าวคือ 1 แท่งเทียนหรือหนึ่งแท่งจะเท่ากับ 1, 5, 15 หรือ 30 นาที) H1, H4, D1, W1 และ MN (1 แท่งเทียนเท่ากับ 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, 1 วัน, 1 สัปดาห์ และ 1 เดือน) ดังนั้น การเลือกกรอบเวลา 1 นาที คุณจะเห็นบนหน้าจอว่าราคาเปลี่ยนแปลงอย่างไรทุก ๆ นาทีเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือตัวอย่างเช่น ในกรอบเวลา MN คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาเป็นเวลาหลายปี เป็นต้น
นอกจากนี้ คุณจะเห็นกราฟ Tick ใน MT4 ซึ่งก่อตัวขึ้นไม่ใช่เพราะเวลา แต่เป็นเพราะจำนวนการซื้อขาย เมื่อการซื้อขายหนึ่งธุรกรรมผ่านไปจะเกิดเป็นกราฟ tick ขึ้นมา ซึ่งอาจมีหลาย ticks แม้ในช่วงเวลา 1 นาที
นักเทรดแต่ละคนจะเลือกระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับตนเอง โดยขึ้นอยู่กับลักษณะการเทรดที่ชื่นชอบ กลยุทธ์การเทรด และที่สำคัญที่สุดก็คือจังหวะและวินัยของตนเอง ยิ่งกรอบเวลานานมากเท่าใด คุณก็จะได้ภาพที่เฉลี่ยแล้วมากเท่านั้น นักเทรดบางท่านที่เรียกว่า Scalpers หรือนักเทรดสั้นจะเปิดและปิดคำสั่งเทรดในระยะเวลาสั้น ๆ โดยจะใช้กรอบเวลา M1, M5 และกราฟ tick หรือนักเทรดอาจเทรดบนเทรนด์ระยะยาวมากกว่า โดยจะอาศัยการวิเคราะห์กราฟที่ไม่ต่ำกว่า H4 หรือ D1
คู่สกุลเงิน
มีคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับว่าควรจะ.ใช้คู่สกุลเงินใดบ้างโดยเฉพาะในการเทรด ซึ่งในกรณีส่วนใหญ่จะเน้นที่การเทรดคู่สกุลเงิน “หลัก” ซึ่งประกอบด้วยสกุลเงินสำคัญที่มีสภาพคล่องมากที่สุด ได้แก่ - USD, EUR, JPY, CHF, GBP คู่สกุลเงินที่ใช้ AUD, CAD และ NZD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์) รวมถึง CNH (หยวนจีน) ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน
โดยพื้นฐานแล้ว การวิเคราะห์ทางเทคนิคฟอเร็กซ์ใช้ได้ไม่จำกัดอยู่แค่คู่สกุลเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคู่ที่ไม่พบบ่อยอย่าง ZAR (แรนด์แอฟริกาใต้) SGD (ดอลลาร์สิงคโปร์) หรือ NOK (โครนนอร์เวย์) ซึ่งการวิเคราะห์นี้สามารถนำมาใช้คาดการณ์สินทรัพย์การเทรดชนิดอื่น ๆ ที่มีให้บริการกับลูกค้าบริษัทโบรกเกอร์ NordFX ได้เช่นกัน เช่น คริปโตเคอเรนซี (Bitcoin, Ethereum ฯลฯ) ทองคำ เงิน น้ำมัน หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ และดัชนีหุ้นชั้นนำ เป็นต้น กล่าวคือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นเป็นวิธีสากลที่สามารถใช้ในการทำเงินไม่เพียงแต่ในตลาดฟอเร็กซ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดอื่น ๆ ทั้งตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตเคอเรนซี อย่างไรก็ตาม เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในแต่ละครั้งต้องอาศัยการตั้งค่าเฉพาะโดยขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินและกรอบเวลาที่ใช้ในการเทรด
ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินและเงินคริปโตสกุลแปลก ๆ จะยากกว่ามากในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เนื่องจากมีความสนใจน้อยกว่า มีธุรกรรมน้อยกว่า และมีปริมาณการเทรดต่ำกว่า ด้วยเหตุนี้ ข่าวหรือเหตุการ์ณใด ๆ หรือการกระทำของนักเก็งกำไรที่อาจไม่ใช่รายใหญ่นักอาจสามารถทำให้ราคากระโดดอย่างไม่คาดคิดได้
เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค
อย่าสับสนระหว่างเครื่องมือการเทรดและเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค สิ่งแรกนั้นคือสิ่งที่คุณใช้เทรด (ค่าเงิน เงินคริปโต หุ้น ฯลฯ) ในขณะที่ส่วนที่สองคือสิ่งที่คุณใช้ในการวิเคราะห์ตลาดและทำการตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกรรมใด ๆ ความหลากหลายในที่นี้ไม่มีขอบเขต ในแต่ละปีมีเครื่องมือพิเศษใหม่ ๆ ที่ได้รับการคิดค้นขึ้นมากมาย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถทำการตัดสินใจในการเทรดที่แม่นยำมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เครื่องมือส่วนใหญ่สามารถแบ่งออกได้เป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
เครื่องมือกราฟ
ในการใช้เครื่องมือกราฟ นักเทรดจะมองหารูปแบบบนกราฟราคาและพยายามทำกระบวนการคาดการณ์ให้ง่ายยิ่งขึ้น โดยอาจอ้างอิงจากโมเดลทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนและรูปทรงเรขาคณิตธรรมดา ๆ โดยภารกิจที่สำคัญก็คือการทำให้การทำงานกับรูปแบบกราฟเป็นเรื่องง่าย โดยใช้องค์ประกอบ ได้แก่ เส้น กรอบหรือช่อง รูปทรง และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น กราฟอาจแสดงเป็นกรอบราคาขาลงที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นเทรนด์ขาขึ้น
เครื่องมือวิเคราะห์กราฟ์ทั้งหมดต่างอยู่บนพื้นฐานของลำดับตัวเลข Fibonacci (levels, arcs, extensions, time zones) ซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่าโมเดลทางคณิตศาสตร์ในการวิเคราะห์ประเภทนี้ ซึ่งรวมถึงพัฒนาการ การใช้วิธี William Gunn (grid, line, fan, pitchfork), pitchforks ของ Andrews and Schiff
ทฤษฎีคลื่น Eliott waves และเทคนิควิธีของนักวิทยาศาสตร์และนักเทรดอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงมากมาย
เครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณจับทิศทางเทรนด์ จุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น ความลึกของการย่อตัว (ปรับฐาน) และการก่อตัวของช่วงการเทรดในปัจจุบัน
อินดิเคเตอร์
อินดิเคเตอร์คืออีกหนึ่งส่วนที่สำคัญ ซึ่งเป็นวิธีการทางคณิตศาสตร์ในการหาค่าเฉลี่ยและแปลงราคาออกมาเป็นกราฟใหม่ (ไม่ค่อยเป็นตาราง) โดยอนุญาตให้ตัดข้อมูลที่มากเกินไปและเน้นเฉพาะลักษณะที่สำคัญที่สุด ดังนั้นจึงช่วยเพิ่มความสะดวกในการวิเคราะห์และคาดการณ์
การทำงานนี้อาจมีสูตรเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงปริมาณการเทรด ความผันผวน ความเร็ว และความเร่งในการเปลี่ยนแปลงของราคา และแน่นอนว่าเกี่ยวกับเทรนด์
อินดิเคเตอร์มีหลากหลายประเภทมากมาย และมีทั้งแบบพื้นฐาน แบบได้รับการพิสูจน์ทางเวลา และแบบปรับใช้งานเอง อินดิเคเตอร์พื้นฐานหรือมาตรฐานมักมีให้บริการอยู่ในชุดเครื่องมือในเทอร์มินอลการเทรดเป็นค่าตั้งต้น ใน MetaTrader 4 นั้นมีเครื่องมือมากกว่า 50 ชนิด โดยเครื่องมือหลายชนิดทำงานบนพื้นฐานโมเดลทางคณิตศาสตร์ในการวิเคราะห์กราฟที่กล่าวไว้ข้างต้น อินดิเคเตอร์ที่ปรับค่าเองอาจเป็นพัฒนาการริเริ่มใหม่โดยสมบูรณ์หรือเป็นการปรับแก้ไขจากอินดิเคเตอร์มาตรฐาน ในปัจจุบันมีเครื่องมือกว่าหลายพันชนิด และมีเครื่องมือใหม่ ๆ ปรากฏขึ้นในทุก ๆ วันซึ่งสามารถหาซื้อหรือดาวน์โหลดได้ฟรีออนไลน์และนำไปผนวกใช้งานในเทอร์มินอล MT4 ส่วนตัวของคุณได้
อินดิเคเตอร์สามารถแบ่งกลุ่มตามฟังก์ชันและวัตถุประสงค์ได้ดังนี้:
- เทรนด์หรือแนวโน้ม (Moving Average, ADX, Bollinger Bands);
- ออสซิลเลเตอร์ (Stochastic, RSI, RVI, MACD);
- ปริมาณ (Volume)
กลุ่มแรกมีปริมาณมหาศาลซึ่งช่วยนักเทรดในการหาเทรนด์ ความแรงของเทรนด์ และทิศทาง คาดการณ์การเปลี่ยนแปลง และลดสัญญาณรบกวนต่าง ๆ ส่วนกลุ่มที่สองจะแสดงภาวะตลาดที่มีแรงซื้อมากเกินไป (overbought) หรือมีแรงขายมากเกินไป (oversold) ให้จังหวะเข้าและออกตลาด (สำหรับการเปิดหรือปิดคำสั่งเทรด) ปริมาณจะแสดงถึงการมีส่วนร่วมของผู้ร่วมตลาดและปริมาณเงินของพวกเขาในตลาด วิธีนี้คือการดูว่าเงินใดอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนที่สินทรัพย์ที่เลือก ส่วนเสริมการเทรดทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังอินดิเคเตอร์ก็คือการแปลงสูตรทางคณิตศาสตร์
รูปแบบ
รูปทรง คือ รูปแบบกราฟที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในตลาด การปรากฏของรูปทรงนี้มาจากการสังเกตในระยะยาวซึ่งอาจนำไปสู่การเคลื่อนที่ของราคาในทางใดทางหนึ่ง สิ่งเหล่านี้คือรูปทรงการก่อตัวของแท่งเทียนหรือกราฟแท่ง การผสมผสานของทั้งสองกราฟซึ่งเกิดเป็นวงจร และในกรณีส่วนใหญ่จะนำไปสู่สถานการณ์ที่ทราบได้ล่วงหน้า หลักการ “แท่งเทียนญี่ปุ่น” และ “โมเดลแท่งเทียน” บนตลาดฟอเร็กซ์นั้นจะมีการอธิบายถึงในบทความแยกต่างหากเพื่อลงลึกในรายละเอียด ในที่นี้เราอธิบายว่าโดยหลักแล้ว โมเดลต่าง ๆ นั้นจะแบ่งออกเป็นกลุ่มดังนี้:
- รูปแบบกลับตัว (Reversal Pattern)
- รูปแบบไม่แน่นอน (Uncertainty Pattern)
- รูปแบบเทรนด์ต่อเนื่อง (Trend Continuation Pattern)
แต่ละกลุ่มนั้นสามารถนำไปสู่สถานการณ์เฉพาะต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรยึดถือรูปแบบเหล่านี้เป็นกฎตายตัว ประสิทธิภาพจะเปลี่ยนแปลงตามเงื่อนไขของกรอบเวลา คู่สกุลเงินที่เลือก และประเภทของสินทรัพย์ที่เทรด ด้วยเหตุนี้เอง แต่ละรูปแบบจึงได้รับการทดสอบก่อนที่จะนำมาใช้งานในเงื่อนไขการเทรดจริง ๆ รูปแบบแท่งเทียนยอดนิยม ได้แก่: hammer, hanging man, harami, doji, falling star, absorption. รูปทรงกราฟ เช่น: wedge, rectangle, double top, head and shoulders, cup, flag, pennant
วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาและการใช้งาน
ข้อผิดพลาดของมือใหม่คือการพยายามเก็บเกี่ยวความรู้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และใช้ความรู้ทั้งหมดในการลงมือปฏิบัติ จริง ๆ แล้ววิธีนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะสามารถทำให้ “สมองระเบิด” ได้ สภาพแวดล้อมที่ขัดกันมักปรากฏขึ้นในตลาด เช่น เส้นเทรนด์ชี้ว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ส่วนกราฟแท่งเทียนชี้ว่าราคาจะกลับตัว เราเห็นเทรนด์ขาลงในกรอบเวลา M30 ในขณะที่บนกรอบ H4 กลับชี้ในทางขาขึ้น และออสซิลเลเตอร์ให้สัญญาณที่เป็นกลาง แล้วเราควรจะให้ความสำคัญกับอะไร
ภารกิจสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ การให้เงื่อนไขบนพื้นฐานของสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาเป็นกลยุทธ์การเทรด
กลยุทธ์การเทรด คือ ชุดกติกาและเงื่อนไขที่มาจากการวิเคราะห์อินดิเคเตอร์หนึ่งหรือหลายตัว การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ และสร้างรูปแบบกราฟเป็นของตนเองบนกรอบเวลาต่าง ๆ โดยอาจเสริมด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะเป็นการดูสถิติเศรษฐกิจมหภาคและเหตุการณ์ทางการเมือง และยิ่งคุณนำกติกาเหล่านี้มาปรับใช้ในกลยุทธ์ของคุณมากเท่าไร ผลลัพธ์จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น และมันจะยิ่งทำให้การวิเคราะห์สถานการณ์และการตัดสินใจในการเทรดยากขึ้นสำหรับคุณ
มีสำนวนหนึ่งกล่าวกันว่า “ใช้ทั้งหมดก็ไม่มีพิษไม่มีภัย” ความซับซ้อนของกลยุทธ์การเทรดทำให้ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แม้ว่าคุณจะสร้างหุ่นยนต์เทรดแทนที่สมองของคุณ และใช้สมรรถภาพทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ของคุณก็ตาม
หุ่นยนต์เทรดหรือadvisor ในการเทรด คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จะใช้กลยุทธ์การเทรดที่ตั้งค่าไว้ตามอัลกอริทึมโดยอัตโนมัติ ข้อดีที่ชัดเจนก็คือ โปรแกรมสามารถทำการเทรดได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ และไม่มีหวั่นวิตกหรือรู้สึกตื่นเต้นไปตามอารมณ์ของมนุษย์ หุ่นยนต์ทำงานตามอัลกอริทึมที่กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยมี advisor ในการเทรดกว่าหลายหมื่นชนิดบน MT4 และขณะนี้ การซื้อตัวช่วยเทรดที่พร้อมใช้งานหรือดาวน์โหลดฟรีบนอินเทอร์เน็ตง่ายกว่ามาพัฒนาเป็นของตนเองหรือจ้างโปรแกรมเมอร์ แนวคิดต่าง ๆ ที่คิดขึ้นมาโดยนักเทรดมือใหม่มักมีการทดลองมาแล้ว อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า advisor ที่ราคาแพงก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป และตัวที่ฟรีก็ไม่ใช่ว่าจะแย่เสมอไป หลายครั้งที่มักจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม
ศึกษาวิธีการทำรายได้อย่างไร
วิธีที่ดีที่สุดในการศึกษาก็คือการได้รับความรู้ที่ดี ซึ่งสิ่งสำคัญคือการอ่านหนังสือของนักเทรดตัวจริง เราขอแนะนำตำราพื้นฐานสำคัญ ซึ่งมีการตีพิมพ์หลายครั้ง ดังนี้:
- Jack Schwager “Technical Analysis. Full course”;
- Thomas DeMark "Technical Analysis - The New Science";
- Steve Nison “Japanese Candles: A Graphic Analysis of Financial Markets.”
นอกจากนี้ โบรกเกอร์ NordFX ยังได้สร้างส่วน “การศึกษา” พิเศษบนเว็บไซต์ ซึ่งคุณสามารถรับข้อมูลที่ต้องการมากมายสำหรับทั้งนักเทรดระดับมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ ความรู้ที่เป็นประโยชน์ทั้งหลายเหล่านี้นำเสนอทั้งในรูปแบบหนังสือ บทความ และคลิปวิดีโออีกด้วย
เพื่อใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุณควรนำทฤษฎีไปปรับใช้ในทางปฏิบัติ บัญชีทดลองที่ NordFX จะช่วยเหลือคุณกับสิ่งนี้ ซึ่งคุณสามารถรับประสบการณ์ที่แท้จริงในการเทรดด้วยเงินจำลองโดยปราศจากความเสี่ยงใด ๆ
กลับ กลับ